การอนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นเมืองเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: กลุ่มเกษตรกรตำบลกำแมด อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร
การรวมกลุ่มและสร้างเครือข่ายเกษตรกรรม โดยมีกลุ่มอนุรักษ์และพัฒนาพันธุ์ข้าวพื้นเมือง เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน การใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นควบคู่ไปกับความรู้วิชาการ ตลอดจนการให้ความสำคัญและการมีส่วนร่วมของคนรุ่นใหม่
Key Success
ปัญหาและความท้าทาย
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อการเกษตรของไทยทั่วทุกภูมิภาค ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากปัญหาที่มีแต่เดิมอยู่แล้ว นับตั้งแต่ การขาดแคลนน้ำ การพึ่งพาปัจจัยการผลิตจากภายนอกมาก เช่น ปุ๋ย สารเคมีกำจัดศัตรพืช ปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำและผันผวน ทำให้เกษตรกรมีหนี้สินมากขึ้น และต้องอพยพย้ายถิ่นไปหางานทำในเมือง ฯลฯ เมื่อการเปลี่ยนเปลงสภาพภูมิอากาศรุนแรงขึ้น ฝนไม่ตกตามฤดูกาล อากาศร้อนขึ้น หน้าแล้งยาวนานขึ้น ภูมิอากาศแปรปรวนขึ้น เกษตรกรจึงเผชิญกับความไม่แน่นอนมากขึ้น
เกษตรกรในอำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร ประสบปัญหาข้างต้นเช่นเดียวกัน ความท้าทายที่เกิดขึ้นก็คือ การเปลี่ยนแปลงวิธีทำนาที่ใช้พันธุ์ข้าวพื้นเมืองหลากหลายสายพันธุ์ตามระบบนิเวศย่อยของชุมชนกลายมาเป็นพันธุ์ข้าวเชิงพาณิชย์ไม่กี่สายพันธุ์ที่เกษตรกรต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ทุกฤดูกาลการเพาะปูลก ซึ่งให้ผลผลิตดีในระยะสั้น แต่ต้องพึ่งพาปุ๋ยและยาจากภายนอกจำนวนมาก
เกษตรกรเคยเก็บพันธุ์ข้าวพื้นเมืองไว้หลากหลายสายพันธุ์ แต่ภายหลังเน้นการปลูกข้าวไม่กี่สายพันธุ์ ทำให้พันธุ์ข้าวพื้นเมืองซึ่งผ่านการคัดเลือกตามธรรมชาติมาหลายชั่วอายุคนต้องสูญหายไป และเมล็ดพันธุ์ข้าวซึ่งเป็นหัวใจในการทำการเกษตรเพื่อความอยู่รอดมาตั้งแต่อดีตซึ่งเคยอยู่กับชุมชนก็หลุดไปจากมือของชาวบ้าน นอกจากนี้ คนรุ่นใหม่ในชุมชนยังขาดช่วงสืบต่อความรู้เรื่องพันธุ์ข้าวพื้นเมืองและการเพาะปลูก
แนวทางการแก้ไขปัญหา
กลุ่มอนุรักษ์และพัฒนาพันธุกรรมข้าวพื้นเมือง ตำบลกำแมด อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร จัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มมาจากสมาชิกเดิมของโครงการนำร่องเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกภูมินิเวศยโสธร โดยให้ความสำคัญกับพันธุ์ข้าวพื้นเมืองที่กำลังจะสูญหายไป ในระยะต่อมาก็เริ่มมองเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลที่กระทบกับเกษตรกร ดังนั้น การอนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นเมือง จึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ในช่วงเริ่มต้น เกษตรกร 12 ครอบครัวที่มีความตั้งใจในเรื่องการอนุรักษ์พันธุ์ข้าวได้ร่วมกันปลูกข้าวพื้นเมือง 15 สายพันธุ์ ต่อมาขยายเป็น 30 สายพันธุ์ และเพิ่มการปลูกสายพันธุ์อื่น ๆ มากขึ้น ซึ่งเป็นตัวอย่างให้กับเกษตรกรในชุมชน จนได้ฟื้นฟูให้ข้าวพื้นเมืองกลับมาปลูกในแปลงนาได้ 13 สายพันธุ์ ได้แก่ ข้าวขาวใหญ่ เล้าแตก สันป่าตอง หอมเสงี่ยม นางนวล ข้าวก่ำ มะลิดำ โสมาลี มะลิแดง เหนียวแดง แสนสบาย ดอฮี เจ้าแดง โดยปลูกรักษาพันธุ์ในพื้นที่รวมประมาณ 35 ไร่ และจัดทำเป็นแปลงเรียนรู้ 1 ไร่
กลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้นำข้าวหลากหลากสายพันธุ์มาปลูกในแปลงเรียนรู้ พร้อมกับทดสอบและศึกษาว่าข้าวสายพันธุ์ใดเติบโต และให้ผลผลิตอย่างไรในที่ดินแปลงเดียวกันที่มีสภาพแวดล้อมเหมือนกัน พร้อมกับให้เกษตรกรเข้ามาร่วมกันเรียนรู้ เพื่อคัดเลือกแล้วนำข้าวสายพันธุ์ที่เหมาะสมไปปลูกในที่นาของตนเอง
กลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้มีทำการทดลองปลูกเพื่อคัดเลือกพันธุ์ข้าวที่มีความทนทานและมีความสามารถในการปรับตัว เพื่อให้เกษตรกรปลูกข้าวที่มีความหลากหลายสายพันธุ์มากขึ้น ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงจากความสูญเสียของผลผลิตอันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนของฤดูกาลและสภาพภูมิอากาศ และยังทำหน้าที่เหมือนศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชนในการเก็บรักษาและแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ ช่วยลดการพึ่งพาเมล็ดพันธุ์จากภายนอก และส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารและความหลากหลายทางชีวภาพของชุมชน เกษตรกรสามารถนำไปใช้เมื่อถึงฤดูกาลเพาะปลูก พร้อมกับแบ่งปันประสบการณ์ในปลูกข้าวแต่ละสายพันธุ์
ในปัจจุบัน กลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้รวบรวมข้าวพื้นเมืองได้มากกว่า 100 สายพันธุ์ทั้งจากในชุมชนและพื้นที่นอกชุมชน ซึ่งจะผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานภาครัฐก่อนว่าเป็นข้าวสายพันธุ์แท้ แล้วจะนำไปพัฒนาเพื่อส่งต่อให้แก่เกษตรกร
กลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้มีการสร้างเครือข่ายกับเกษตรกรในจังหวัดอื่น ๆ โดยจัดตั้งเป็นเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกภาคอีสาน พร้อมกันนั้นก็ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรพัฒนาเอกชน ร่วมกันดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การสร้างกระบวนการเรียนรู้ การจัดประชุมสัมมนา การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และการผลักดันนโยบายในระดับจังหวัดและประเทศ และเครือข่ายดังกล่าวยังทำหน้าที่เชื่อมโยงความรู้ทางวิชาการเข้ากับภูมิปัญญาชาวบ้าน และช่วยขยายผลการทำงานไปยังพื้นที่อื่น พร้อมกับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในด้านการเกษตรและงานวิจัยเกี่ยวกับพันธุ์ข้าว
นอกจากนี้ ยังมีการสร้างการมีส่วนร่วมของคนรุ่นใหม่ เช่น กิจกรรมการเรียนรู้เกี่ยวกับการปลูกข้าวและอนุรักษ์พันธุ์ข้าว เพื่อสานต่อภูมิปัญญาท้องถิ่น และปลูกฝังความตระหนักเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพในท้องถิ่น ทำให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าของการเกษตรแบบดั้งเดิม และสามารถต่อยอดองค์ความรู้จากคนรุ่นก่อน ตลอดจนชุมชนยังได้บันทึกและถอดบทเรียนในลักษณะที่เป็นคู่มือเกี่ยวกับการอนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นเมือง มีการจัดอบรมและสร้างเครือข่ายแกนนำเกษตรกร พร้อมกับมีการใช้สื่อและเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือเผยแพร่ความรู้ในเรื่องพันธุ์ข้าวพื้นเมืองในวงกว้างมากขึ้น
การอนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นบ้านในอำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร ถือเป็นตัวอย่างของการปรับตัวและพึ่งพาตนเองของชุมชนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ไม่เพียงช่วยให้การเพาะปลูกมีความยั่งยืน แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางอาหารในระดับครัวเรือนและชุมชน เกษตรกรสามารถเลือกใช้พันธุ์ข้าวที่ทนแล้งหรือปรับตัวได้ดีในสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป ทำให้ลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจในการทำเกษตร อีกทั้งช่วยลดการพึ่งพาเมล็ดพันธุ์และสารเคมีจากภายนอก ลดต้นทุน ลดความเสี่ยงหนี้สิน และอนุรักษ์พันธุ์ข้าวไม่ให้สูญหาย ในระยะยาวชุมชนจึงเข้มแข็งขึ้นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
https://yasothon.moc.go.th/th/content/category/detail/id/161/iid/74303
