การลดหมอกควันและรักษาพื้นที่ป่าให้ยั่งยืนด้วยงานวิจัยวิทยาศาสตร์: ศูนย์วนเกษตร–พฤกษเภสัช จังหวัดน่าน
การบูรณาการองค์ความรู้ในหลายสาขา โดยเชื่อมโยงงานวิจัยกับการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน และการมีส่วนร่วมของชุมชนและเกษตรกร ผ่านการส่งเสริมการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมถึงการได้รับการสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายที่หลากหลาย ตลอดจนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม
Key Success
ปัญหาและความท้าทาย
จังหวัดน่าน เผชิญกับปัญหาการสูญเสียพื้นที่ป่า โดยตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา พื้นที่ป่าถูกทำลายไปแล้วมากกว่า 1.2 ล้านไร่ สาเหตุหลักมาจากการบุกรุกป่าเพื่อทำเกษตรบนพื้นที่สูง โดยใช้วิธีการเผาป่าเพื่อเตรียมแปลงเพาะปลูก และการใช้สารเคมีในการเกษตร ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหา "เขาหัวโล้น" ฝุ่นควันปกคลุมพื้นที่ และความเสียหายต่อระบบนิเวศในวงกว้าง
ชาวบ้านต้องเผชิญกับภาระค่าใช้จ่ายที่สูง รายได้ไม่เพียงพอ หนี้สินของเกษตรกรเพิ่มขึ้น และประชากรจำนวนไม่น้อยตกอยู่ในภาวะยากจน อีกทั้งจังหวัดยังต้องพึ่งพาปัจจัยการผลิต เช่น เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และสารเคมีจากภายนอก ทำให้เกษตรกรไม่มีทางเลือกมากนัก นอกจากต้องขยายพื้นที่เพาะปลูกออกไปเรื่อย ๆ เพื่อหารายได้ ส่งผลให้การบุกรุกป่ากลายเป็นวงจรที่ยากต่อการหยุดยั้ง
แนวทางการแก้ไขปัญหา
ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในกรอบยุทธศาสตร์ Nan Sandbox ช่วยผลักดันการปฏิรูปการใช้ที่ดินและป่าไม้ของจังหวัดน่าน โดยมีหลักการจัดสรรพื้นที่ 72-18-10 คือ 72% รักษาป่าต้นน้ำ 18% เป็นป่าฟื้นฟูและพืชเศรษฐกิจใต้ร่มไม้ใหญ่ และ 10% สำหรับเกษตรเต็มรูปแบบ แนวทางนี้เปิดโอกาสให้เกษตรกรใช้พื้นที่ป่าสงวนได้อย่างเหมาะสม ควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากร
องค์การเภสัชกรรม ยังร่วมสนับสนุนโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมยาจากพืชผ่านโครงการ PLANTXGPO ตามแนวคิด “GPO Plant-Based Medicine” ที่มุ่งเพิ่มมูลค่าสมุนไพรไทยและยกระดับสู่มาตรฐานสากล โดยหากเกษตรกรเปลี่ยนจากการปลูกข้าวโพดบนพื้นที่สูงมาปลูกพืชสมุนไพรเพื่อทำยา จะสามารถสร้างรายได้สูงขึ้นหลายเท่า
PAD จึงไม่เพียงเป็นศูนย์วิจัย แต่เป็นต้นแบบการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เชื่อมโยงงานวิจัย การศึกษา การสร้างตลาด และการมีส่วนร่วมของชุมชน ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ และฟื้นฟูป่าต้นน้ำของน่านในระยะยาว
ข้อมูลจาก:
• https://www.chiangmainews.co.th/news/1988553/
