การจัดการป่าชายเลนที่นำโดยชุมชน : บ้านบางลา จังหวัดภูเก็ต
การจัดการทรัพยากรธรรมชาติโดยชุมชน ที่ตั้งอยู่บนหลักการของความเป็นเจ้าของ การมีส่วนร่วมของชุมชนและคนในพื้นที่ และการบูรณาการระหว่างการอนุรักษ์กับการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น
Key Success
ปัญหาและความท้าทาย
ชุมชนบ้านบางลา ตั้งอยู่บริเวณคลองบางลา ตำบลป่าคลอก อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต เป็นชุมชนชายฝั่งที่พึ่งพาป่าชายเลนในการดำรงชีวิต ทั้งในด้านการทำประมงพื้นบ้าน การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้ และการรักษาสมดุลของระบบนิเวศชายฝั่ง อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การทำนากุ้งเชิงพาณิชย์ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และการก่อสร้างหมู่บ้านจัดสรรจากกลุ่มทุนภายนอก ทำให้เกิดการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนอย่างต่อเนื่อง เดิมชุมชนมีพื้นที่ป่าชายเลนกว่า 3,000–3,200 ไร่ แต่ปัจจุบันเหลือเพียงประมาณ 1,000 กว่าไร่ รวมถึงพื้นที่ที่อยู่นอกเขตหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านในชุมชนได้พยายามร่วมกันปกป้องและฟื้นฟูมาอย่างยาวนาน
ในอดีต เคยมีนโยบายเปิดให้ตัดไม้ในป่าชายเลนเพื่อนำมาทำถ่าน รวมถึงให้สัมปทานแก่กลุ่มธุรกิจ ทำให้ป่าถูกใช้ประโยชน์ไปอย่างมาก แม้สัมปทานจะหมดอายุในเวลาต่อมา แต่สิทธิในที่ดินยังคงอยู่กับกลุ่มทุน จนกระทั่งก่อนปี 2530 ได้เกิดกระแสทำนากุ้งอย่างแพร่หลาย กลุ่มทุนจำนวนมากเข้ามากว้านซื้อที่ดินเพื่อทำฟาร์มกุ้งขนาดใหญ่ ส่งผลให้ป่าชายเลนในพื้นที่ถูกทำลาย ชุมชนบ้านบางลาจึงต้องเผชิญกับการสูญเสียทรัพยากรที่สำคัญต่อการดำรงชีพ และต้องลุกขึ้นมาฟื้นฟูและปกป้องป่าชายเลนที่เหลืออยู่
ช่วงต้นทศวรรษ 2530 สถานการณ์การบุกรุกป่ารุนแรงขึ้น จนทำให้ชาวบ้านจำนวนมากเริ่มลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อปกป้องทรัพยากร ในช่วงปี 2535-2537 ชาวบ้านบางลาจึงรวมตัวกัน (ประกอบกับปัญหาที่ดินสปก. 4-01 ซึ่งออกให้นายทุนนักธุรกิจ) ชาวบ้านได้ประท้วงการบุกรุกป่าชายเลน เรียกร้องให้มีการพิสูจน์ว่าที่ดินที่ถูกบุกรุกนั้นเป็นพื้นที่ของชุมชน
ต่อมาในปี 2537 เมื่อชาวบ้านร่วมกันเรียกร้องให้มีการยุติการบุกรุก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการรวมตัวจัดตั้งกลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนชุมชนบ้านบางลาขึ้น ชาวบ้านบางลามีพื้นที่สาธารณะอยู่เพียงแห่งเดียว ซึ่งเป็นพื้นที่ของหมู่บ้าน จึงเห็นความสำคัญว่าจะต้องนำพื้นที่กลับมาเป็นของชุมชนเพื่อใช้ประโยชน์ ชาวบ้านชุมชนบางลา กล่าวว่า “ถ้าไม่มีพื้นที่ป่าชายเลนชุมชน เราอยู่ไม่ได้ ชาวบ้านต้องศึกษาเรียนรู้การอนุรักษ์ป่าชายเลน” การสูญเสียทรัพยากรป่าชายเลนไม่เพียงส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวบ้านเท่านั้น แต่ยังทำลายระบบนิเวศชายฝั่งที่สำคัญต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตในทะเล
แนวทางการแก้ไขปัญหา
ชุมชนบ้านบางลาริเริ่มการจัดการทรัพยากรแบบมีส่วนร่วมและเป็นระบบ โดยเริ่มจากการสำรวจแนวเขตป่าและแบ่งพื้นที่เป็นป่าอนุรักษ์ ป่าใช้สอย จัดทำแผนการใช้ประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนมีการกำหนดระเบียบชุมชน เช่น กำหนดให้สามารถตัดไม้ได้เฉพาะไม้ที่มีอายุเกิน 2 ปี และต้องปลูกทดแทน หากตัด 1 ต้นต้องปลูกทดแทน 5 ต้น ห้ามตัดไม้ประเภทที่เป็นไม้หายาก ควบคุมปริมาณการตัดไม้ในแต่ละรอบ และชี้แจงความจำเป็นในการใช้ประโยชน์ให้คณะกรรมการชุมชนพิจารณา
ชุมชนบ้านบางลาเป็นตัวอย่างของการจัดการป่าชายเลนโดยคนในพื้นที่ ชาวบ้านซึ่งมีอาชีพที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการจับปู หาหอย ทำประมงพื้นบ้าน พึ่งพิงป่าชายเลนในการดำรงชีวิต จึงเปรียบเสมือนยามเฝ้าบ้านที่ช่วยกันเฝ้าระวัง ดูแล และแจ้งเตือนเมื่อมีการบุกรุกหรือกิจกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ เช่น การท่องเที่ยวที่ทำลายธรรมชาติ ชุมชนมีการจัดตั้งคณะกรรมการป่าชายเลนขึ้นเป็นกลไกหลักในการบริหารจัดการ มีการจัดเวรเพื่อเฝ้าระวังและตรวจตราป่าชายเลน พร้อมจัดทำกติกาและบทลงโทษ ทำให้เกิดการบังคับใช้ได้จริงในระดับพื้นที่ โดยคณะกรรมการชุมชนจะเป็นผู้พิจารณาการใช้ทรัพยากร เช่น การตัดไม้เพื่อนำมาใช้ซ่อมแซมบ้าน หากเกินความจำเป็นก็จะไม่อนุญาต เป็นต้น
นอกจากนี้ ชุมชนยังทำงานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กรมเจ้าท่า สำนักงานประมงจังหวัด โรงเรียน และเครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์ในจังหวัดใกล้เคียง เช่น จังหวัดพังงาและกระบี่ รวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายป่าชายเลน 24 จังหวัดทั่วประเทศ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชุมชนพัฒนาแนวทางอนุรักษ์ที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน เช่น การตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อรองรับกิจกรรมอนุรักษ์ การใช้ไม้จากป่าชายเลนอย่างยั่งยืนเพื่อผลิตภัณฑ์ชุมชน การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และกิจกรรมเรียนรู้ร่วมกับเยาวชน โดยเฉพาะการสร้างกลุ่มเยาวชน “ขบวนการเด็กรักษ์ป่าชายเลน” ผ่านกิจกรรมปลูกป่า ค่ายเยาวชน การผลิตสื่อสร้างสรรค์ และการส่งเสริมให้เยาวชนเป็นแกนนำในการสื่อสารและประสานงานกับภาคีภายนอก
ชุมชนยังส่งเสริมให้สมาชิกมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมประชุม การเป็นคณะกรรมการ การทำงานในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ เช่น คณะกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งระดับจังหวัด (คปช.จังหวัด) หรือคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ พร้อมทั้งผลักดันให้การอนุรักษ์กลายเป็นวัฒนธรรมของชุมชน ถ่ายทอดสู่คนรุ่นใหม่ เพื่อให้สามารถเข้าใจปัญหาของพื้นที่ตัวเอง ร่วมวางแผนอนาคต และกล้าทักท้วงหรือตรวจสอบนโยบายหรือโครงการพัฒนาต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อทรัพยากรท้องถิ่นได้อย่างมีเหตุผลและสร้างสรรค์
ผลที่เกิดขึ้นคือ ทรัพยากรป่าชายเลนฟื้นตัว พื้นที่ป่าที่เคยถูกบุกรุกกลับมาเป็นป่าชายเลนที่สมบูรณ์ขึ้น ระบบนิเวศชายฝั่งฟื้นฟูความหลากหลาย มีสัตว์น้ำกลับคืนสู่ระบบ และรายได้ของชุมชนเพิ่มขึ้นจากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน เช่น การท่องเที่ยวชุมชน การผลิตสินค้าจากไม้ การเก็บหอยจากธรรมชาติ และกิจกรรมฝึกอาชีพ
การอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านบางลาได้รับการยอมรับในระดับชาติและระหว่างประเทศ โดยชุมชนได้รับรางวัลระดับประเทศและนานาชาติหลายรางวัล เช่น รางวัล Equator Prize 2017 จากโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP)
รูปภาพจาก:
